Matt Redman ชาวอังกฤษ เป็นทั้งผู้นำนมัสการ นักแต่งเพลง และนักเขียน ที่บทเพลงและผลงานของเขามีผลไปถึงคนมากมายทั่วโลก Matt Redman เคยได้นำนมัสการใน Movement ใหญ่ๆ ระดับโลกอย่าง Soul Survivor, Hillsong Conference หรือ Passion Conference เป็นประจำ แต่ถ้าใครยังไม่เคยรู้จัก บางทีการแนะนำว่าเขาเป็นคนแต่งเพลงนมัสการที่เป็นที่รู้จักดีหลายต่อหลายเพลง เช่น Blessed be the Name, Heart of Worship, Better is One Day หรือ Once Again อาจจะเป็นการคุ้นหูกว่าก็ได้
ชีวิตในวัยเด็กของ Matt มีสิ่งที่ชอบอยู่สองสิ่งคือ การแสดง และการร้องเพลงนมัสการ เขาเริ่มหัดเล่นกีตาร์เพราะต้องการร้องเพลงนมัสการเองที่บ้าน และในกลุ่มสามัคคีธรรมย่อย ในช่วงวัยรุ่น พระเจ้าได้เร้าใจให้ Matt ตัดสินใจว่าจะเลือกเรียนการแสดงต่อ หรือจะทำงานรับใช้ด้านการนมัสการอย่างจริงจัง การยอมเชื่อฟังพระเจ้าทำให้เขาตัดสินใจเลิกเรียนต่อด้านการแสดงและเริ่มให้พระเจ้าใช้ในด้านการแต่งเพลงและนำนมัสการ Matt ไม่ได้เก่งด้านดนตรี อ่านโน๊ตไม่ได้ เสียงก็ไม่ได้ดีมากถ้าเทียบกับนักร้องมืออาชีพหรือผู้นำนมัสการคนอื่นๆ เป็นคนพูดน้อย ถ่อมตัว เขาแค่รู้ว่าตนสามารถเล่นกีตาร์และนำนมัสการได้ และรักในการร้องเพลงเพื่อนมัสการพระเจ้า สิ่งนี้เป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่พระเจ้าเตรียมไว้เพื่อให้กลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่ในที่สุด
จุดเด่นของเพลงที่ Matt แต่ง ก็คือการเลือกใช้เนื้อเพลงและภาษาที่สละสลวย อีกทั้งมีการเปรียบเปรยสิ่งที่ต้องการสื่อออกมาให้เห็นภาพและเกิดความเข้าใจในข้อความที่ต้องการจะสื่อในเพลง ในหลายเพลง Matt จะแต่งขึ้นโดยใช้ข้อพระคัมภีร์บางข้อเจาะจงเป็นเนื้อหาหลัก และจะขยายสิ่งนั้นด้วยเนื้อหาที่คนในยุคสมัยนี้เห็นภาพ เข้าใจง่าย และมีความรู้สึกร่วมกับเพลงและความจริงจากพระคัมภีร์ข้อนั้นในการนมัสการ
Matt มักจะให้ความสำคัญกับเนื้อเพลงมากกว่าภาคดนตรี โดยให้เหตุผลว่า เนื้อเพลงที่มาจากความจริงในพระคัมภีร์จะคงอยู่นานกว่าภาคของดนตรีที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม Matt เป็นคนที่เรียนรู้อยู่เสมอในเรื่องดนตรี ชอบฟังเพลงในหลายแนวเพื่อทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ในการทำดนตรีให้เข้ากับยุคสมัยและวัฒนธรรม เพื่อให้ง่ายต่อการนมัสการ อีกทั้งยังได้เรียนรู้ว่าดนตรีแบบไหนเหมาะสำหรับใช้ในบรรยากาศการนมัสการ และดนตรีแบบไหนที่ไม่ควรนำมาใช้
จุดประสงค์ของการแต่งเพลงนมัสการที่ Matt Redman ต้องการ คือการแต่งเพลงเพื่อนำคนไปพบพระเจ้า และเข้าใจน้ำพระทัยพระองค์มากขึ้น เขาจึงต้องการเขียนเพลงที่เล่าถึงความลึกซึ้งของพระคุณพระเจ้า และความยิ่งใหญ่ในสง่าราศีของพระเจ้า จึงสามารถแยกประเภทเพลงของ matt ได้อย่างกว้างๆ ว่าเป็นเพลงที่เกี่ยวกับความใกล้ชิดสนิทสนม ความรัก ความรอด สง่าราศี และความมหัศจรรย์ของพระคุณพระเจ้า
ความหมายของการนมัสการของ Matt Redman คือการตอบสนองอย่างเต็มกำลังต่อการเปิดเผยน้ำพระทัยของพระเจ้า ตระหนักว่าพระเจ้าปรารถนาทุกอย่างที่เป็นตัวเรา เมื่อเราเข้าใจความจริงข้อนี้ เราจะมาให้แค่เล็กน้อยกับพระเจ้าไม่ได้ มาแค่ร้องเพลงไม่ได้ แต่ควรร้องเพลงอย่างที่ใจเรารู้สึกจริงๆ และต้องรวมถึงการดำเนินชีวิตในความจริงของพระเจ้าด้วย ในการนำนมัสการแต่ละครั้ง Matt ตระหนักเสมอว่าเขาเป็นแค่คนที่นำที่ประชุมให้นมัสการพระเจ้า ต้องทำให้คนเข้าใจและตามได้ง่าย ไม่ทำตัวเป็นเป็นจุดสนใจ แต่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่นำนมัสการที่แท้จริง และให้ที่ประชุมได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้นทุกการนมัสการ ด้วยเหตุนี้ การนำนมัสการของ Matt จึงไม่เคยถือเป็นการทดลองเพลงใหม่หรือดนตรีใหม่ แต่ทุกครั้งจะถือว่าเป็นการเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า จึงต้องทำทุกเพลงออกมาให้ดีที่สุด
ถ้อยคำที่มีหัวใจเพื่อพระเจ้าเป็นที่หนึ่ง จึงทำให้เขารักที่จะอยู่ในชุมชนของพระองค์เพื่อร่วมกันถวายเกียรติพระเจ้า และมีใจรักในดนตรีและเสียงเพลง ทำให้คนธรรมดาคนหนึ่งสามารถเป็นผู้นำนมัสการและนักแต่งเพลงที่เป็นที่หนุนจิตชูใจให้คนทั้งโลกได้
ปัจจุบัน (2010) Matt และภรรยาพร้อมลูก 4 คน ได้ย้ายจากอังกฤษไปอยู่ที่เมือง Atlanta รัฐ Georgia เพื่อร่วมพันธกิจกับ Passion Movement ที่มี Chris Tomlin และผู้นำนมัสการอีกหลายคนร่วมทำพันธกิจที่เน้นกลุ่มเด็กระดับชั้นมหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกา นอกจากผลงานเพลงที่ผลิตออกมาถึง 10 อัลบั้มแล้ว Matt ยังมีผลงานเขียนในหนังสือชื่อ The Unquenchable Worshipper และ Facedown รวมถึงบทความต่างๆ เกี่ยวกับการนมัสการอีกมากมายอีกด้วย
ผลงานเพลง
รางวัล Dove Award ที่เคยได้รับ
ตัวอย่างเพลง
Blessed be Your name
The Heart of Worship
Once again
You never let go
Better is one day